เทคนิค กลยุทธ์ forex

การวิเคราะห์วงจรตลาดทุน และ เศรษฐศาสตร์มหภาค

วงจรตลาดทุน

เมื่อพิจารณาเรื่องการเทรด ขั้นตอนแรกคือการวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาคเพื่อประเมินความแข็งแกร่งโดยรวมของเศรษฐกิจ วิธีการนี้เรียกว่า Top-Down Analysis ซึ่งช่วยให้เราตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูล ตัวอย่างเช่น หากการวิเคราะห์เผยให้เห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวหรือหดตัว แต่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนถึงการชะลอตัวนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อกำไรและกระแสเงินสด เราอาจพิจารณาขายหุ้นและเพิ่มสัดส่วนเงินสดในพอร์ตการเทรดของเรา ขั้นตอนนี้รวมถึงการวิเคราะห์วงจรตลาดทุนของกลุ่มหุ้นต่าง ๆ ควบคู่กับการวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาค

ระยะของเศรษฐศาสตร์มหภาค และ วงจรตลาดทุน

ขั้นตอนแรกในกระบวนการวิเคราะห์ คือการประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจมหภาค ขั้นตอนที่สองคือการใช้ผลการวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาคเพื่อตระหนักถึงระยะปัจจุบันในวงจร ตลาดทุน

วงจรเศรษฐกิจประกอบด้วยช่วงเวลาที่ขยายตัวและหดตัวสลับกันไป เราจำแนกวงจรเศรษฐกิจออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้

ภาวะถดถอยเต็มที่

การขยายตัวระยะแรก

การขยายตัวเต็มที่

การถดถอยระยะแรก

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าตลาดทุน (ตลาดหุ้น) มักจะนำหน้าวงจรเศรษฐกิจประมาณ 6 – 9 เดือน ตัวอย่างเช่น ในปี 2566 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญกับความผันผวนสูงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย นักวิเคราะห์ใช้ตัวชี้วัด เช่น การกลับด้านของเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve Inversion) ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจเกิดขึ้นภายใน 6 – 18 เดือนข้างหน้า ตามรายงานของธนาคารกลางนิวยอร์ก ใน 12 เดือนข้างหน้า ในเดือนมกราคม 2567 โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ มีอยู่ที่ 38% ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้นักเทรดบางคนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำและพันธบัตรรัฐบาล ตลาดหุ้นมักจะถึงจุดต่ำสุดและเริ่มฟื้นตัวในขณะที่เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะถดถอยเต็มที่ ในทำนองเดียวกัน ตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะถึงจุดสูงสุดและเริ่มลดลงเข้าสู่ตลาดหมีในขณะที่เศรษฐกิจยังคงขยายตัวเต็มที่และเติบโต

วงจรหุ้น

หลังจากวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์มหภาคอย่างละเอียดแล้ว เราก็ระบุระยะปัจจุบันของวงจร ตลาดทุนได้ ขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการตัดสินใจเทรดคือการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันเพื่อตระหนักถึงตำแหน่งของเราในวงจร ตลาดทุน ตัวอย่างเช่น หากเราระบุว่าตลาดทุนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังเริ่มปรับตัวสูงขึ้น เราควรลดการเทรดในหุ้นที่มีความผันผวนของราคาต่ำ (Defensive Stocks) และลดการถือครองเงินสด แล้วหันไปเลือกถือหุ้นวัฏจักร (หุ้นที่ราคามักจะเพิ่มขึ้น/ลดลงตามเศรษฐกิจ) ได้แก่ ผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทสินค้าคงทนอื่น ๆ รวมถึงหุ้นเทคโนโลยี เนื่องจากธุรกิจและผู้บริโภคมักจะชะลอการซื้อในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยและซื้อเพิ่มขึ้นเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ในช่วงเวลาเดียวกัน หุ้นเทคโนโลยีอย่าง Nvidia ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีสถานะที่แข็งแกร่งในสาขาเกิดใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ แม้หุ้นของ Nvidia จะมีความผันผวนสูง ก็แสดงให้เห็นความยืดหยุ่น ซึ่งเน้นถึงความสำคัญของการวิเคราะห์ตามภาคส่วนในการตัดสินใจเทรด

ในทางกลับกัน หากเราเชื่อว่าเศรษฐกิจอยู่ในระยะขยายตัวและตลาดหุ้นใกล้ถึงจุดสูงสุดของตลาดกระทิง เราอาจจัดสรรเงินทุนไปยังหุ้นอุตสาหกรรม วัสดุพื้นฐาน และพลังงาน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะเร่งขึ้นเมื่อตลาดหุ้นเข้าสู่ระยะฟองสบู่ ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้นและเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทเหล่านี้

สรุป

การเข้าใจวงจร ตลาดทุนและเศรษฐศาสตร์มหภาคช่วยให้เราวางแผนกลยุทธ์การเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

หากคุณไม่มั่นใจในกลยุทธ์การเทรดของคุณ เปิดบัญชีทดลองหรือใช้ Exness Terminal เพื่อฝึกฝนและสร้างความมั่นใจในการเทรดกับ Exness ดูสิ

เทรดกับ Exness เพื่อสำรวจเครื่องมือที่หลากหลาย สเปรดที่แข่งขันได้ และเครื่องมือการเทรดขั้นสูงเพื่อให้คุณท่องตลาดได้อย่างง่ายดาย

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :

เปิดเส้นทางเทรดเดอร์ Forex ที่เป็นไอดอลของสาว ๆ ทั่วโลก!

Related Articles

Back to top button