เทคนิค กลยุทธ์ forex

รูปแบบกราฟ ชี้อนาคตหรือไม่ ?

รูปแบบกราฟ

เมื่อพูดถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิค กราฟอาจสามารถช่วยให้เทรดเดอร์ทำนายราคาสินทรัพย์ในอนาคตได้ รูปแบบต่างๆ เช่น หัว และ ไหล่, ดับเบิลบอตทอม (Double Bottom), ลิ่ม (Wedge) และ สามเหลี่ยมเป็นรูปแบบที่ดึงดูดความสนใจของเทรดเดอร์มาเป็นเวลานาน โดยให้ความเชื่อมั่นว่าจะไขความลับเกี่ยวกับพฤติกรรมของตลาด และ ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเทรดจากข้อมูลที่ได้รับ

ในบางกรณี เทรดเดอร์คิดว่ารูปแบบเหล่านั้นเป็นตัวบ่งชี้ที่สามารถเชื่อถือได้ และ การกล่าวอ้างเปอร์เซ็นต์ผลงานทางออนไลน์ก็สนับสนุนข้อสมมติฐานดังกล่าว งานศึกษาวิจัยโดย Michael Kahn ชี้ว่ากราฟแสดงถึงระดับความถูกต้องแม่นยำในการคาดการณ์การกลับตัวของราคา โดยเฉพาะรูปแบบหัว และ ไหล่มีอัตราความสำเร็จถึง 89%

ข้อดีดังกล่าวอาจทำให้เทรดเดอร์ได้กำไรมหาศาลเมื่อเวลาผ่านไป แต่เปอร์เซ็นต์ที่สูงเช่นนั้นถูกต้องแม่นยำหรือไม่ กราฟบ่งบอกถึงทิศทางของราคาที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงหรือ

รูปแบบกราฟ: สิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้

การวิเคราะห์กราฟมักมาพร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์ คนที่ชอบตั้งข้อสงสัยมักโต้แย้งว่าข้อสมมติฐานที่ว่าความเคลื่อนไหวของราคาขณะนี้อยู่ในทิศทางที่สัมพันธ์กับอดีตนั้นเป็นข้อสมมติฐานที่บกพร่อง เนื่องจากลักษณะของตลาดการเงินที่มีขึ้นมีลง ได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่เพียงข้อมูลในอดีตเท่านั้น เหตุการณ์ข่าว ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ และ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนล้วนแล้วแต่สามารถขัดขวางแนวโน้มของราคาได้ทั้งสิ้น ทำให้กราฟมีความน่าเชื่อถือลดลง

แม้ว่ากราฟให้ข้อมูลเชิงลึก และ ช่วยให้เราไม่ต้องเดาอะไรมาก แต่เทรดเดอร์ก็ควรตัดสินใจอย่างชาญฉลาดโดยพึ่งพาข้อมูลอื่นด้วย ไม่ควรอาศัยกราฟเพียงอย่างเดียว เทรดเดอร์อาจพิจารณาแนวทางแบบองค์รวมที่บูรณาการการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และ การพิจารณาความเชื่อมั่นของตลาดเข้าด้วยกัน

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานแสดงให้เห็นบรรยากาศ และ ประสิทธิภาพทางด้านเศรษฐกิจในปัจจุบัน และ อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด การประเมินความเชื่อมั่นของตลาดเป็นตัววัดอารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุนในตลาดโดยภาพรวม ซึ่งมักจะมีน้ำหนักเกินตรรกะหรือหลักฐานทางสถิติ 

ในทางตรงกันข้าม มีปัจจัยอย่างหนึ่งที่ส่งเสริมการใช้รูปแบบของกราฟ และ การวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ และ เป็นแนวคิดที่ยากจะมองข้าม

ปรากฏการณ์ความคาดหวังสร้างความจริง

ความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างรูปแบบของกราฟ จิตวิทยาเทรดเดอร์ และ ความผันผวนของตลาดทำให้เกิดความซับซ้อนในการอธิบายเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง เมื่อเทรดเดอร์จำนวนมากรับรู้ถึงการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้นตามรูปแบบกราฟมาตรฐาน ปฏิกิริยาของบรรดาเทรดเดอร์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันสามารถส่งผลต่อทิศทางของตลาด ซึ่งอาจเป็นไปตามความคาดหวังของรูปแบบดังกล่าวได้

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบอทการเทรดระบบ AI นับพันตัวที่ใช้กราฟเป็นพื้นฐานในการคาดการณ์ บอทเหล่านี้สามารถเปิดและปิดคำสั่งซื้อขายได้หลายร้อยรายการต่อวันตามรูปแบบของกราฟที่กำลังก่อตัว และ ปฏิกิริยาที่เกิดร่วมกันของมนุษย์ และ บอทก็สามารถขับเคลื่อนตลาดให้ไปในทิศทางทิศทางของรูปแบบกราฟที่เทรดเดอร์คาดหวัง

ปรากฏการณ์ความคาดหวังสร้างความจริงที่ว่านี้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของตลาด และ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากพฤติกรรมโดยรวมของตลาดที่มีต่อการเคลื่อนไหวของราคา

ข้อสรุป

แม้ว่ารูปแบบของกราฟจะให้ข้อมูลเชิงลึก แต่ควรใช้ร่วมกับวิธีการวิเคราะห์แบบอื่นด้วย ความผันผวนของตลาด จิตวิทยาเทรดเดอร์ และ โอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ความคาดหวังสร้างความจริงนั้นล้วนมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพในการวิเคราะห์รูปแบบของกราฟทั้งสิ้น

ตามคำกล่าวอ้างที่ระบุไว้ตอนต้นของบทความนี้ว่ารูปแบบหัว และ ไหล่มีความถูกต้องแม่นยำถึง 89% นั้น ตัวเลขดังกล่าวอาจจำเป็นต้องมีการแก้ไข ในขณะที่ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวแพร่สะพัดในออนไลน์ งานศึกษาของ Kahn ดูจะเป็นนิยายหลอกเด็กเสียมากกว่าจะเป็นงานวิจัยที่มีรูปแบบวิธีการ และ อาจไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก

ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งซึ่งมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เป็นงานวิจัยของ David Aronson ปี 1994 ซึ่งมีการเผยแพร่ทางออนไลน์ด้วยเช่นเดียวกัน พบว่ารูปแบบหัว และ ไหล่มีความแม่นยำ 64% เมื่อใช้ทำนายการกลับตัวของแนวโน้มขาลง แน่นอนว่าความถูกต้องของตัวเลขดังกล่าวก็ยากที่จะยืนยันได้เช่นเดียวกัน หากคุณต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถซื้อหนังสือของ Aronson มาอ่านต่อได้

รูปแบบกราฟ

ตัวเลข 64% ที่ Aronson ระบุอาจต่ำกว่าตัวเลข 89% ของ Kahn อย่างมีนัยสำคัญ แต่หากตัวเลขที่ว่านี้ถูกต้องแม่นยำจริง ก็จะมอบประโยชน์ที่เทรดเดอร์มองหา โดยเฉพาะเมื่อใช้กับความสำเร็จจากการสั่งสมทีละนิดในการบริหารจัดการความเสี่ยง

ความสำเร็จในการเทรดมีสูตรมหัศจรรย์หรือไม่ ?

Related Articles

Back to top button