การ ขายชอร์ต คืออะไร ? พร้อมรู้จักกับ 3 กลยุทธ์ และ ช่วงเวลาที่กับการขายชอร์ต
Table of Contents
เชื่อว่าช่วงหลังๆ มานี้ หลายๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า Short Sell หรือ ขายชอรต กันมาหนาหูเรื่อยๆ แล้ว ขายชอรตที่ว่านี้คืออะไร มีกลยุทธ์/กระบวนการแบบไหน ข้อดี/ข้อเสีย หรือส่งผลกระทบอย่างไรกับตลาดกันบ้าง? ในบทความนี้ เราจะชวนคุณมารู้จักกับการขายชอรตกัน
การขายชอร์ต คืออะไร? และการ Short หุ้น ทําอย่างไร?
ธุรกรรม Short Selling หรือ ขายชอรต คือ หนึ่งในธุรกรรมการเทรดในตลาดหุ้น โดยทั่วไปแล้วเราอาจจะคุ้นเคยกันในกรณีที่เมื่อได้หุ้นด้วยการซื้อมาแล้วก็เก็บหุ้นเอาไว้เพื่อที่หลังจากนั้นในวันหนึ่งก็นำไปขายเพื่อส่งมอบหุ้นที่ตนเองถือไว้ไปยังผู้อื่น
แต่ธุรกรรมขายชอรต คือ ธุรกรรมที่เราสามารถขายหุ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของหุ้น แต่จะเป็นวิธีการที่ไปขอยืมหุ้นผู้อื่นมาก่อน
คำถามต่อมาคือ แล้วทำไมถึงเลือกที่จะ ขายชอรตหุ้น?
คำตอบคือ มีหลายเหตุผลมากๆ ที่อาจเป็นไปได้เบื้องหลังการตัดสินใจเช่นนั้น เช่น คาดหวังว่าราคาหุ้นจะลงแต่ตนเองยังไม่ได้ซื้อหุ้นเอาไว้ ทำให้อาจจะไปขอยืมหุ้นคนอื่นมาขายไว้ก่อน หลังจากนั้นเมื่อราคาหุ้นลงมาจริงๆ ก็ไปซื้อคืน และนำหุ้นไปส่งมอบ
ดังนั้น ธุรกรรมการขายชอรต ประกอบไปด้วย 4 ธุรกรรม ได้แก่
1. ยืมหุ้นที่จะขายชอรต (มาจากนักลงทุนคนอื่น)
2. ขายหุ้นที่ราคาตลาดไป และได้เงินสดกลับมา(แต่เงินนั้นต้องวงไว้เป็นหลักประกัน)
3. ซื้อหุ้นมาคืน (หากราคาต่ำกว่าจะซื้อในราคาถูกกว่าตอนขาย และได้กำไร)
4. ส่งมอบหุ้นคืนเจ้าของหุ้นเดิม
ผู้ลงทุน >> ยืมหุ้นมาขาย (Short Selling) โดยถ้าหาก
→ ซื้อหุ้นคืนในราคาที่สูงกว่าที่ขายไป = กำไร
→ ซื้อหุ้นคืนได้ในราคาที่ถูกกว่าที่ขายไป = ขาดทุน
อย่างไรก็ตาม การขายในลักษณะของขายชอรตนั้นมีความเสี่ยง หากการขายชอรตนั้นไม่ได้ทำการยืมหลักทรัพย์ก่อนการทำการขายชอรตหุ้น เพื่อใช้ในการส่งมองเมื่อถึงเวลาที่กำหนด หรือที่เรียกว่า Naked Short Selling ซึ่งการผิดนัดเพื่อส่งมอบหุ้นนี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบได้
ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว หลายๆ ตลาดหลักทรัพย์จึงมีกฎหมายหรือหลักเกณฑ์การห้ามทำการขายชอรตในลักษณะ Naked Short Selling
Naked Short คือ ธุรกรรมที่ขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ และไม่ยืม เป็นการบิดเบือนตลาดด้วยหุ้นที่ไม่มีอยู่จริง และยังสร้างความเสี่ยงให้กับตลาดเพราะเมื่อถึงเวลาส่งมอบจริงไม่มีหุ้นมาส่งมอบ
ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่าก่อนทำการส่งคำสั่งขายจะมีกระบวนการเพื่อตรวจสอบตลอดว่ามีผู้ขายมีหลักฐานไหมว่ามีหุ้นอยู่ในมือ หรือหากเป็นการชอร์ตก็จะมีการตรวจสอบว่ามีหลักฐานหรือไม่เช่นเดียวกันเพื่อป้องกันการ Naked Short
และ สำหรับในประเทศไทยเอง ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการพัฒนากลักเกณฑ์กำกับดูแลการขายชอรตเช่นกัน โดยห้ามทำการ Naked Short Selling อีกทั้งยังมีการกำหนดกลักเกณฑ์อนุญาตให้ทำการขายชอรตได้ที่ราคาไม่ต่ำกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Zero Plus Tick Rule) เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบสภาพการซื้อขาย หรือชี้นำให้ราคาหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพการซื้อขายปกติอีกด้วย
ประโยชน์ของการทำธุรกรรมขายชอร์ตหุ้น
- Short Sell หรือ ขายชอรตหุ้น จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นในตลาด และป้องกันการปั่นราคาหุ้น
- Short Sell หรือ ขายชอรตหุ้น จะช่วยกระบวนการค้นหาราคา (Price Discovery) ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ฟองสบู่
- Short Sell หรือ ขายชอรตหุ้น จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการตลาดทุน เพราะเป็นธุรกรรมที่มีความจำเป็นมากของการเทรดที่เกี่ยวข้องกับหุ้นนั้นๆ
3 ตัวชี้วัดที่จะบอกคุณว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะสำหรับการขายชอร์ต?
Moving Averages (MAs)
- จุดเด่น: ช่วยแสดงทิศทาง และโมเมนตัมของราคาหุ้น สามารถใช้หลายเส้น MA เพื่อเปรียบเทียบ
(เช่น 50 วัน, 100 วัน, 200 วัน)
- ข้อจำกัด: การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาช้า อาจไม่เหมาะสำหรับการระบุจุดเข้าซื้อขายที่แม่นยำ
Relative Strength Index (RSI)
- จุดเด่น: วัดแรงซื้อแรงขาย ช่วยประเมินภาวะ Overbought (ซื้อมากเกินไป) หรือ Oversold (ขายมากเกินไป) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณกลับตัวของราคา
- ข้อจำกัด: ไม่ได้คำนึงถึงกรอบราคา อาจเกิดสัญญาณหลอก (False Signal) ได้บ่อย
Bollinger Bands
- จุดเด่น: แสดงแนวโน้ม (Trend) และความผันผวนของราคา ราคาที่เคลื่อนไหวแตะขอบบนหรือล่างของ Bollinger Bands อาจเป็นสัญญาณกลับตัว
- ข้อจำกัด: ใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ไม่ได้การันตีการเปลี่ยนแปลงราคาที่แน่นอน
อย่างไรก็ตาม การประยุกต์ใช้ไม่ควรเลือกใช้เพียงตัวชี้วัดเดียว ควรกำหนดตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อจำกัดความเสี่ยง และควรทดสอบกลยุทธ์บนบัญชีเสมือนก่อนลงทุนจริง
3 กลยุทธ์การขายชอร์ต
ถึงแม้การขายชอรตจะเป็นการยืมหุ้นมาขายเพื่อรอซื้อคืน แต่ก็ยังมีกลยุทธ์ต่างๆ ที่นักลงทุนสามารถเลือกใช้ได้ประกอบการทำการขายชอรต ดังนี้
1. กลยุทธ์การขายชอรตแบบพื้นฐาน (Basic Shorting)
เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการความเสี่ยงต่ำ โดยใช้หลักการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น เช่น งบการเงิน ประเภทธุรกิจ แนวโน้มอุตสาหกรรม เลือกหุ้นที่มีมูลค่าแพงเกินไปหรือมีแนวโน้มผลประกอบการแย่ ขายชอรตเมื่อราคาหุ้นสูง และซื้อคืนเมื่อราคาหุ้นลดลง
ข้อดีของกลยุทธ์นี้คือ เข้าใจง่าย มีความเสี่ยงต่ำกว่ากลยุทธ์อื่น ส่วนข้อเสียคือ ผลตอบแทนอาจไม่สูงมาก และต้องใช้เวลาในการรอราคาหุ้นลดลง
2. กลยุทธ์การขายชอรตแบบเทคนิค (Technical Shorting)
กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์การใช้เครื่องมือทางเทคนิค โดยใช้หลักการการใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น MAs, RSI, Bollinger Bands เพื่อช่วยวิเคราะห์แนวโน้ม และจังหวะการซื้อขาย
ขายชอรตเมื่อสัญญาณทางเทคนิคบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง และซื้อคืนเมื่อสัญญาณเปลี่ยน
ข้อดีของกลยุทธ์นี้คือ อาจทำกำไรได้เร็วกว่ากลยุทธ์แบบพื้นฐาน ส่วนข้อเสียคือ มีความซับซ้อน ต้องอาศัยทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิค และอาจเกิดสัญญาณหลอกได้
3. กลยุทธ์การขายชอรตแบบผสมผสาน (Combined Shorting)
กลยุทธ์การขายชอรตแบบผสมผสานนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ และต้องการผลตอบแทนสูง โดยหลักการคือ จะผสมผสานกลยุทธ์การขายชอรตแบบพื้นฐาน และแบบเทคนิค ใช้การวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อเลือกหุ้น และใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อกำหนดจังหวะการเข้า-ออกนั่นเอง
ข้อดีคือ อาจทำกำไรได้สูงกว่ากลยุทธ์อื่น ส่วนข้อเสียคือ เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงสุด ซับซ้อนที่สุด จึงจำเป็นจะต้องใช้ทักษะการวิเคราะห์ทั้งด้านพื้นฐาน และเทคนิคเข้ามาประกอบ
เทคนิคขายชอรตที่นักลงทุนนิยมใช้
- ขายช่วงพักตัวในขาลง: การขายนี้เกิดขึ้นหลังจากหลักทรัพย์มีการดีดกลับหรือพักตัวชั่วคราวภายในแนวโน้มขาลงโดยรวม คุณคาดหวังว่าแนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป นำไปสู่กำไรเมื่อราคากลับมาลดลง
- เข้าระหว่างกรอบเทรด และ รอจุดทะลุกรอบ: การนี้หมายถึงการเปิดสถานะขายชอรตขณะที่หุ้นแกว่งไปมาระหว่างสองราคาโดยไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน คุณรอ “จุดทะลุกรอบ” ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับแนวรับของกรอบ (ราคาที่มักไม่ตกลงไปต่ำกว่านั้น) สิ่งนี้บ่งบอกว่าราคาหุ้นอาจลดลงต่อไป ทำให้การขายชอรตน่าสนใจ
- ขายตอนที่ราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง: การนี้เกี่ยวข้องกับการขายชอรตหุ้นในช่วงที่มีแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน คุณต้องการใช้ประโยชน์จากโมเมนตัมของแนวโน้มขาลง คาดการณ์ว่าราคาจะลดลงต่อไปเพื่อให้ได้กำไรจากการขายชอรต กลยุทธ์นี้อาจเสี่ยงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการพูดถึงหุ้น และคนอื่นๆ กำลังเข้ามาขายชอรตด้วย ซึ่งอาจส่งผลเสียหากคุณเจอกับราคาที่ดีดกลับเนื่องจากความต้องการ
สรุป
ไม่ว่าสไตล์การเทรดของคุณจะเป็นแบบไหน การวิเคราะห์ตลาดก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรรู้ และศึกษา และการขายชอรตมีความเสี่ยงสูง ราคาหุ้นอาจขึ้นได้ไม่จำกัด นอกจากนี้ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้เกิดความสมดุลของตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตามการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง นักลงทุนควรรู้จักบริหารความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :